การโอนลอย คือการที่เจ้าของรถทำการลงนาม ในเอกสารการโอนรถ และใบมอบอำนาจให้ผู้ซื้อ โดยมิได้มีการดำเนินการทางทะเบียนที่สำนักงานขนส่ง ซึ่งมีข้อควรระวังคือ

1. หากผู้ซื้อไม่ดำเนินการเรื่องโอนให้แล้วเสร็จ และนำรถนั้นไปก่อความเสียหาย ผู้ขายจะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย เนื่องจากในข้อมูลทางทะเบียนของทางราชการยังเป็นชื่อของผู้ขายอยู่

2. หากผู้ซื้อไม่ดำเนินการเรื่องโอนให้แล้วเสร็จ ผู้ซื้ออาจเสียประโยชน์ เนื่องจากข้อมูลทางทะเบียนรถนั้น ยังไม่มีการแจ้งเปลี่ยนเป็นชื่อของผู้ซื้อ เมื่อปล่อยเวลา นานไป เอกสารการโอนที่ผู้ขายมอบไว้ให้อาจใช้ไม่ได้ หรือสูญหายไป ซึ่งหากท่านไม่มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถ ก็จะไม่สามารถดำเนินการทางทะเบียนในเรื่อง ใดๆ ได้ ในการซื้อขายรถยนต์ ก็ยังเป็นวิธีการที่สะดวกในการทำธุรกรรมด้านซื้อ- ขายรถยนต์ แต่อย่าลืมครับการโอนลอยยังเป็นวิธีการโอนรถยนต์ที่เสี่ยงอยู่มาก เช่น ถ้าเอกสารไม่ครบ หรือถูกปลอมแปลง ลายเซ็นไม่ครบ บัตรหมดอายุ รถติดคดีความ ทางสำนักงานขนส่งมักจะไม่ฟังเสียงใครทั้งสิ้น นอกจากจะให้คุณกลับบ้านมาเก็บเอกสารใหม่อย่างเดียว อย่างนี้ถ้าท่านคิดจะซื้อ-ขายรถยนต์ เรามาดูกันสักนิดครับว่า ต้องใช้เอกสารใด และควรตรวจทานระวังอย่างไรบ้าง จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวทีหลัง ตรวจทานให้ดีก่อนการเลือกซื้อรถ

1. สมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์ เป็นเอกสารครอบครอง สังหาริมทรัพย์ อย่างหนึ่ง สิ่งที่ต้องตรวจความถูกต้องควรมีดังนี้

1.1 เลขทะเบียนรถ จะต้องตรงกับป้ายทะเบียนรถยนต์ (ป้ายต้องเป็นของแท้มี ขส) ป้ายต่อทะเบียน และพ.ร.บ.

1.2 ปีที่จดทะเบียน ซึ่งจะระบุเป็น พ.ศ. ถ้าอยากทราบว่าเป็น ค.ศ. เท่าไรต้องลบด้วย ….

1.3 สี , หมายเลขเครื่อง , หมายเลขตัวถัง ต้องตรงกับ ตัวถังรถยนต์ และ หมายเลขเครื่องยนต์ที่ติดอยู่กับตัวรถ

1.4 ชื่อเจ้าของรถ ต้องตรวจดูชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ , เลขที่บัตร , ที่อยู่ ให้ตรงกับบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ

1.5 รายการเสียภาษี หน้า 16 – 17 ตรวจดูว่ามีรายการเสียภาษีครบทุกปี ไม่ขาดต่อทะเบียน หรือแจ้งจอด ยกเลิกการใช้งาน

1.6 รายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ หน้า 18 – 19 ตรวจดูว่ามีรายการบันทึกในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลรถอย่างไร เช่นการแจ้งย้าย แจ้งเปลี่ยนสี เปลี่ยนหมายเลขเครื่อง หรือขอใช้ทะเบียนบ้านในเขตไหน ต้องมีรายการบันทึกครบถ้วน

1.7 ลายมือชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ ต้องเซ็นให้ถูกต้องชัดเจน ตรงกับลายเซ็นในหนังสือต่างๆ

2. หนังสือสัญญาซื้อ – ขาย รถยนต์ เป็นหนังสือสัญญานิติกรรม ระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขาย ที่ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน ต้องกรอกทุกรายละเอียด เช่น วันที่ , รายละเอียดผู้ขาย , รายละเอียดผู้ซื้อ , ราคาซื้อขาย , กำหนดการมัดจำและรับรถยนต์ ค่าใช้จ่ายในการโอน ว่าผู้ใดเป็นผู้ออกค่าโอน ลงชื่อผู้ซื้อ , ผู้ขาย และพยาน ระบุวันและเวลาที่ขาย และที่ได้รับรถไปแล้ว หนังสือตัวนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างสูง ต้องถือไว้ทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย ใช้แสดงประกอบการโอน มีผลทางด้านกฎหมาย เมื่อผู้ซื้อนำรถไปเกิดอุบัติเหตุ หรือใช้รถในการกระทำผิดกฎหมาย หรือผู้ขายอาจนำไปแจ้งรถหาย หรือนำเอกสารไปทำอย่างอื่น ต้องมีการตรวจเช็ครายละเอียดให้ดีทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย

3. แบบคำขอโอนและรับโอน เป็นหนังสือของทางกรมขนส่งทางบก ต้องใช้เมื่อต้องยื่นประกอบเอกสารการโอนรถยนต์ ต้องระบุวันที่ ชื่อรายระเอียดผู้โอน ผู้รับโอน เลขทะเบียน รายละเอียดเกียวกับรถที่โอน ราคาซื้อขาย และต้องลงลายมือชื่อทั้งผู้โอน และผู้รับโอน ให้ถูกต้องตามช่อง ที่ระบุไว้ครบทุกช่อง

4. สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน ของผู้ขาย และต้องตรงกับบัตรประชาชนตัวจริงที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ไม่หมดอายุ ทะเบียนบ้านต้องตรงกับหนังสือทะเบียนบ้าน ไม่มีการแจ้งย้าย หรือหมดอายุ ซึ่งผู้ขายต้องมีการเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง ลงลายมือชื่อ หรือกำหนดรายละเอียดไว้ว่าใช้ในการโอนรถยนต์, แจ้งย้าย , เปลี่ยนสี , เปลี่ยนเครื่อง หรืออื่นๆไว้เป็นปลอดภัยที่สุด ถ้ารถต้องมีการแจ้งย้าย เปลี่ยนสี หมายเลขเครื่อง หรืออื่นๆ ต้องเพิ่มจำนวนอีกอย่างละชุด

5. หนังสือมอบอำนาจ เป็นหนังสือมอบหมายการกระทำใดๆเกี่ยวกับทะเบียนรถ ซึ่งเจ้าของรถไมสามารถมาดำเนินการเองได้ โดยต้องมีรายละเอียด วันที่ , ชื่อผู้มอบ และรับมอบ ระบุรายการที่ผู้มีอำนาจทำการแทน และลงลายมือชื่อ ให้ถูกต้องทั้งชื่อผู้มอบ , ชื่อผู้รับมอบ , พยาน และปิดอากรแสตมป์

6. หนังสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับผู้ขาย เช่น หนังสือเปลี่ยนชื่อและนามสกุล หนังสือหย่า ใบมอบมรดก และอื่นๆที่ต้องใช้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเอกสารสำคัญทางราชการ ในกรณีที่เป็นรถบริษัท ไฟแนนซ์ , ประกันภัย ,หรือมอบมรดก ต้องเตรียมเอกสารเช่น หนังสือรับรองบริษัท,ใบเสร็จรับเงิน , ใบเสียภาษี , และอื่นๆที่ใช้ต้องตรวจดูรายเซ็น ให้ถูกต้องและครบถ้วน

7. หนังสือยินยอม ในกรณีที่ขอใช้ในกรุงเทพ หรือในจังหวัดเดิมในทะเบียนรถ ต้องเตรียม หนังสือยินยอม ให้ทางเจ้าของรถเดิมเซ็นยินยอมขอใช้รถในทะเบียนบ้านเดิม หรือหาเจ้าบ้าน ที่มีชื่อ ที่อยู่ ในเขตที่ต้องการขอใช้ทะเบียนรถ และเซ็นรายมือชื่อ พร้อมแนบ สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนอีกหนึ่งชุด

8. ใบเสร็จต่างๆ เช่น ใบเสร็จซื้อเครื่องยนต์ ในกรณีที่ยังไม่ได้เปลี่ยนหมาเลขเครื่อง ใบเสร็จค่าเปลี่ยนสีรถยนต์ ที่ถูกต้องมีใบรับรองเสียภาษี หรือใบวิศวกรองรับการดัดแปลงรถยนต์ ใช้ในกับรถที่ยังไม่ได้แจ้งการดัดแปลง เช่นระบบขับเคลื่อน ระบบเบรก การเปลี่ยนหลังคา หรือการซ่อมจากอู่ที่ต้องมีการตัดต่อ หรืออะไหล่ตัวถังรถ สรุปเอกสารสำคัญ

1. สมุดทะเบียนรถ รายละเอียดถูกต้อง และมีลายมือชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ ตรงกับเอกสารอื่นๆ

2. หนังสือสัญญาซื้อขาย ต้องระบุรายละเอียด วันและเวลารับรถ ลายมือชื่อผู้ขาย – ผู้ซื้อ และพยาน

3. แบบคำขอโอนและรับโอน ต้องลงลายมือชื่อทั้งผู้โอน และผู้รับโอน ให้ถูกต้องตามช่อง ที่ระบุไว้ครบทุกช่อง

4. สำเนาทะเบียนบ้านบัตรประชาชน ต้องเซ็นรับรองสำเนา ให้ถูกต้อง และต้องไม่หมดอายุ

5. หนังสือมอบอำนาจ ต้องมีลายเซ็นของผู้มอบอำนาจ

6. เอกสารเปลี่ยนแปลง เช่นใบเปลี่ยนชื่อ นามสกุล หรือใบหย่า ที่ต้องใช้เปลี่ยนแปลงเอกสารราชการ

7. หนังสืออื่นๆ ในกรณีที่เป็นบริษัท ไฟแนนซ์ ประกันภัย

8. ใบเสร็จต่างๆ ที่ใช้ควบคู่ในการเปลี่ยนแปลงแก้ไขในรายการในทะเบียนรถ เท่านั้นครับการโอนลอยก็ถือว่าไม่เป็นเรื่องยุ่งยาก หรือต้องกังวนอีกต่อไป ไม่ต้องวิ่งไปกลับบ้านผู้ขาย กับขนส่งให้เสียเวลา เสียน้ำมัน หรือเสียอารมณ์ แต่ทางที่ดีเมื่อได้เอกสารมาแล้วควรรีบไปโอนโดยเร็วที่สุดดีกว่าครับ เพราะเอกสารบางตัวอาจมีการหมดอายุ เจ้าของเดิมเกิดเสียชีวิต หรืออื่นๆ อาจต้องเสียเวลามากไปกว่าเดิมอีก ต้องระวังไว้ด้วยครับ

บทความนี้คัดลอกมาจาก http://rathmine.multiply.com/journal/item/22/22

ค่าโอนและภาษี

ปกติค่าโอนรถจะขึ้นอยู่กับราคารถด้วย แต่ถ้าเป็นการโอนระหว่างสามีภรรยาจะเสียค่าโอนแค่ประมาณ 100 บาท

ส่วนภาษีก็ขึ้นอยู่กับชนิดของรถและราคาต่างหาก

Another comment

ผมขอตอบขั้นตอนการโอนรถนะครับ เพราะพึ่งไปโอนมา ผมเป็นคนขายนะครับ
ก่อนอื่นตกลงค่าโอนรถให้เรียบร้อยนะครับ 10,000 ละ 50บาท
1เตรียมหลักฐานเอกสารต่าง ๆให้ครบ
1.1 สำเนาบัตรประชาชน (เซ็นรับรองสำเนาเรียบร้อย) ทั้งสองฝ่าย
1.2 สำเนาทะเบียนบ้าน (เซ็นรับรองสำเนาเรียบร้อย) ทั้งสองฝ่าย
1.3 สำเนาเล่มรถ (เซ็นรับรองสำเนาเรียบร้อย)
1.4 เล่มรถตัวจริง
1.5 ใบมอบอำนาจ (กรณีคนซื้อหรือคนขายคนใดคนนึงไม่ได้ไปด้วยตัวเองครับ)
วันนัดโอน
1.ให้เดินไปตึกสอง (ตึกที่อยู่ตึกแรกด้านซ้ายจากทางเข้าครับ)
ขึ้นไปชั้น 2 จะเจอคนต่อแถวส่งเอกสารอยู่ครับ ให้ขอเอกสารการโอนรถ 1ชุด
2. ให้เดินไปที่ตึก 4 (ตึกที่ติดกับที่ตรวจสภาพรถตรงไปจนสุดจากทางเข้าตึกอยู่ด้านขวา)
เข้าไปที่ชั้น 1 จะมีห้องกระจกมีเก้าอี้ให้นั่งรอเยอะ ๆ กรอกเอกสารเสร็จแล้วยื่นเอกสารให้พนักงานประชาสัมพันธ์ตรวจ พอตรวจเสร็จก็จะคืนเอกสารมาพร้อมกับให้กระดาษลำดับที่ในการรับเอกสารคืน มาด้วย
3. เราก็ไปขับรถ พร้อมเอกสารที่กรอกเสร็จแล้วทั้งหมดตรงไปที่ ช่องตรวจสภาพรถ ช่อง1,2ได้เลย ขับไปเสร็จแล้วให้จอดรถเปิดฝากระโปรงรถได้เลยให้เค้ารู้ว่าเราพร้อมตรวจ ถือเอกสารไว้ เจ้าหน้าที่จะมารับเอกสารไปและก็ตรวจ โน่น นี่ นั่น … พอเรียบร้อยก็บอกให้เราขับรถออกไปจอดแล้วไปรอรับเอกสารที่ห้องหัวข้อที่ 2
4. รอจนเค้าเรียกตามลำดับเลขในกระดาษลำดับที่ที่ได้มา เพื่อไปรับเอกสารคืน
5. เมื่อได้รับเอกสารคืนแล้ว ให้ไปที่ตึก 2 ชั้น 2 จุดที่เราไปขอเอกสารมากรอกครับ แต่ที่นี้เราไปส่งเอกสารครับเค้าจะให้เบอร์มาว่าให้รอเรียกที่ช่องใดถึงช่องใด แล้วก็นั่งรอเรียก
6. เมื่อได้ยินเจ้าหน้าที่เรียก ก็ลุกไปชำระเงินค่าโอน ถ้าติดค้างจ่ายภาษีก็โดนที่จุดนี้ด้วยนะครับ
7. เจ้าหน้าที่ให้เราเซ็นชื่อเพื่อโอนรถให้กับผู้ซื้อและผู้ซื้อเซ็นรับเป็นอันเสร็จครับ
ผมก็รับเงินที่จุดนี้แล้วก็ไปโอนเงินที่ไทยพาณิชย์ที่กรมขนส่งเลยครับเรียบร้อยง่าย ๆครับ
คำเตือน
ตอนขับรถไปจะมีมอเตอร์ไซด์ขับมาประกบแล้วถามโน่นนี่ให้เราบอกไปว่าจะทำเองนะครับ
เพราะพวกนี้บอกว่าค่าดำเนินการ 100 บาทแต่จริง ๆ แล้วแค่พาไปหาอีกคนเท่านั้นครับอันนี้
มีคนใน internet โดนมาครับ สรุปไม่ได้อะไรเลยเสียไปอีก 100 มันคิดกันได้ไงเนี่ยระวังนะครับ
พอดีผมอ่านข้อมูลก่อนไปโอนครับ เจอขี่ประกบเหมือนที่อ่านมาเป๊ะ ๆเลย ที่พิมพ์มาแชร์กันเพราะเท่าที่หาข้อมูลไม่มีคนที่อธิบายครับว่าต้องไปที่ตึกไหน ตึกอยู่ตรงไหน ไปที่ไหนต่อ ต้องไปถามเจ้าหน้าที่เอา พอไปมาแล้วก็เลยเอามาแชร์กันครับ

คัดลอกจาก http://www.saab-scot.com/board/question.asp?QID=6403

ดาวน์โหลดแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้อง